การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก และการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ/โภชนาการของมารดาก็มีความสำคัญเมื่อให้นมลูก การตัดสินใจไม่ให้นมลูกอาจเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไข นมผงสำหรับทารกเหมาะตั้งแต่แรกเกิดเมื่อทารกไม่ได้กินนมแม่ ขอแนะนำให้ใช้นมสูตรทั้งหมดตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาลผดุงครรภ์ ผู้มาเยี่ยมเยียนด้านสุขภาพ พยาบาลสาธารณสุข นักโภชนาการ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ที่รับผิดชอบในการดูแลแม่และเด็ก และควรคำนึงถึงผลกระทบทางการเงินด้วย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการเตรียมและการให้อาหารทั้งหมดอย่างระมัดระวัง เนื่องจากการจัดเตรียมที่ไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่อันตรายต่อสุขภาพได้

เลือกอาหารโอเมก้า 3 สูง สำหรับลูกน้อย 1-3 ขวบ

ก่อนอื่นขออธิบาย “โอเมก้า 3” อย่างง่ายๆ ก่อนนะคะ โอเมก้า 3 เป็นกลุ่มกรดไขมันค่ะ ซึ่งประกอบไปด้วย กรด ALA EPA และ DHA โดยที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ กรด ALA ได้เอง ในขณะที่ กรด EPA และ DHA ต้องได้รับจากการรับประทานอาหารเท่านั้นนะคะ

นี่จึงเป็นที่มาที่ว่า คุณพ่อคุณแม่ควรจะต้องใส่ใจเลือกอาหารที่เหมาะสม เพื่อเสริมโอเมก้า 3 ให้ ลูกน้อยอย่างเพียงพอค่ะ ทำไมกรดไขมันโอเมก้า 3 จึงสำคัญต่อลูกรัก? คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่คะว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญต่อลูกในหลายๆ ด้านมากๆ เลยนะคะ

ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เป็นปกติของลูก
มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานและการพัฒนาของสมอง ด้านเชาว์ปัญญาและความจำ เช่น กระตุ้นความจำ และมีสมาธิจดจ่อนานขึ้น ด้านพฤติกรรม ช่วยบรรเทาอาการเด็กมีสมาธิสั้น และไม่ชอบอยู่นิ่งๆ และอาจช่วยให้มีการเรียนรู้ได้ดีขึ้นด้วยค่ะ
บทบาทอื่นๆ เช่น การมองเห็นภาพคมชัดมากขึ้น ลดการอักเสบและอาจช่วย ป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ บรรเทาอาการหอบหืด

ถ้าลูกน้อยได้รับอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ไม่เพียงพอ อาจเป็นต้นเหตุของอาการเหล่านี้ เช่น เหนื่อยเพลีย ความจำไม่ดี ผิวแห้ง อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า การไหลเวียนของเลือดไม่ดี และปัญหาเกี่ยวกับหัวใจนะคะ

อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณสูง

ALA: พบในอาหารประเภทพืช เช่น น้ำมันคาโนลา น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันถั่วเหลือง เมล็ดแฟลกซ์ ถั่ววอลนัท เมล็ดพืช พืชจำพวกมีฝัก และผักใบเขียวบางชนิด ตัวอย่าง เช่น

เมล็ดแฟลกซ์บด 2 ช้อนโต๊ะ (30 ก.) มี ALA 3200 มิลลิกรัม
ถั่ววอลนัท* (ผ่าครึ่งซีก) 14 ชิ้น (30 ก.) มี ALA 2600 มิลลิกรัม
น้ำมันคาโนลา 1 ช้อนโต๊ะ (15 มล.) มี ALA 1300 มิลลิกรัม

EPA และ DHA: พบในปลาไขมันสูงที่มีถิ่นอาศัยในทะเลลึกแถบน้ำเย็น เช่น แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล และซาร์ดีน รวมถึงปลาทะเลและปลาน้ำจืดของไทยบางชนิด ปลาดุก ปลาทูและปลาสวาย ตัวอย่าง เช่น

ปลาคิงแมคเคอเรล 90 ก. มี DHA 1080 มิลลิกรัม
ปลาแซลมอนแอตแลนติก 90 ก. มี DHA 810 มิลลิกรัม
ปลาซาดีน 90 ก. มี DHA 729 มิลลิกรัม
ปลาสวาย 100 ก. มี DHA 1286 มิลลิกรัม
ปลาทู 100 ก. มี DHA 778 มิลลิกรัม

ปลาทะเลน้ำลึกขนาดใหญ่บางชนิด เช่นปลาฉลามและปลาฉนาก มีการปนเปื้อนของโลหะหนัก เช่นปรอท และสารพิษในปริมาณสูง จึงควรหลีกเลี่ยงปลาประเภทนี้อย่างเด็ดขาด นะคะ เลือกปลาขนาดเล็กปลอดภัยกว่าค่ะ