เราต่างโตกันมาโดยการมีชื่อเล่นติดตัวมา และชื่อเล่นนี้เอง สามารถสะท้อนความเป็นตัวตนของเรา คนอื่นมองเราอย่างไร ชื่อเล่น ชื่อที่ถูกใช้เรียกบ่อยที่สุด ส่งผลต่อมุมมองเหมือนกระจกสะท้อนบุคลิก อย่างน้อยๆ ก็ในช่วงแรกที่ทำความรู้จักกัน (First Impression)
และสำหรับเด็ก ชื่อเล่นสามารถส่งผลกระทบต่อความนับถือตนเองของเด็กไม่ว่าจะเป็นไปในทางบวกหรือลบ พ่อแม่สามารถสังเกตวิธีที่เด็กตอบสนองต่อชื่อเล่นของเขาได้ว่าเขาพยายามปกปิดปมด้อยนี้หรือไม่ แม้ในเมืองนอก จะไม่ได้ใช้ชื่อเล่นอย่างเป็นทางการที่พ่อแม่ตั้งให้แต่เด็กเหมือนบ้านเรา แต่เขาก็ยังมีชื่อเล่นที่เพื่อน หรือคนรอบข้าง มักตั้งให้กันเองจากลักษณะ รูปร่าง หน้าตา ฯลฯ ทำให้เราสามารถนำเอาผลการทดลองกลุ่มนี้จากเมืองนอกมาเป็นกรณีศึกษาถึงความสำคัญของชื่อเล่นต่อพัฒนาการและพฤติกรรมเด็กบ้านเราได้
ผู้เขียนเรื่องนี้เล่าว่า “เพื่อนๆ ต่างเรียกเพื่อนผมว่า “มินิ-อาหรับ” (Mini-Arab) และไปๆ มาๆ เหลือแค่ “มินิ” ด้วยเหตุผลที่ว่า เขามีพ่อแม่ชาวตะวันออกกลาง แถมยังตัวเตี้ยกว่าพี่ชายของเขา
เพื่อนอีกคน แอนเจล่า (Angela) ซึ่งก็จะถูกเรียกว่า “แอนจี้” (Angie) เช่นเดียวกัน นอร์แมน (Norman) ถูกเรียว่า “บัสเตอร์” (Buster) ซึ่งมาจากรูปร่างที่ใหญ่ผิดปกติของเขา และชื่อเล่นของผมเองก็คือ “วีตย์ตี้ส” (Wheaties) ซึ่งมาจากชื่ออาหารเช้าซีเรียลที่ทำจากข้าวสาลี เพราะผมไม่มีทักษะด้านกีฬา และมักถูกคัดเข้าทีมเป็นคนสุดท้ายเสมอ เปรียบเปรยเหมือนกับว่ากินอาหารเช้ามาไม่พอ (ร่างกายเลยอ่อนแอ)
แล้วก็มีอีกคน ที่เพื่อนๆ เรียกชื่อเล่นกันว่า “พิกกี้” (Piggy) เพราะเขาอ้วนเหมือนหมู (Pig) และเด็กผู้หญิงที่ถูกเรียกว่า “นางสี่ตา” (Four eyes) เพราะ...คงไม่ต้อเดา แว่นเธอหนานั่นเอง และทำให้เธอไม่รู้สึกถึงการ ไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีนักจากกลุ่มเพื่อน
ชื่อเล่นในแง่ล้อเลียนแบบนี้ ก่อให้เกิดความทุกข์กับเจ้าของชื่อ ความมั่นใจหด ความนับถือในตัวเองถดถอย และสุดท้ายส่งผลทำลายพัฒนาการต่างๆ ของพวกเขาไปเลย” ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ลูก จะผูกโยงกับตัวเด็กในมุมมองแคบๆ ไปตลอดชีวิต การศึกษาจำนวนมากมีการวิจัยคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับชื่อของประเทศฝั่งประเทศตะวันตก ในทางกลับกัน ชื่อเล่นสะท้อนให้เห็นถึงวิธีที่คนอื่นมองคน ๆ หนึ่ง แม้อีกมุมหนึ่ง ชื่อเหล่านี้ก็สามารถแสดงถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งในหมู่เพื่อนได้
สรุปผลการทดลองโดย แอลเบิร์ต เมย์ราเบียน (Albert Mehrabian) และ มาร์ลีน่า เพียซ (Marlena Pierce) ในปี 1993 พบว่า ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ (Given names) มีความสำคัญมากต่อความสำเร็จในด้านศีลธรรม และอาชีพการงาน นอกจากนั้น ชื่อเล่น ก็มีความสำคัญมากกับความร่าเริง และความเป็นที่นิยมในหมู่เพื่อนฝูง
เด็กที่ตั้งชื่อให้คนอื่น มักขึ้นเป็นใหญ่ในกลุ่ม และใช้อำนาจนี้ในการแกล้ง (Bully) คนอื่น ชื่อเล่น (ประหลาดๆ) สามารถทำให้เด็กแตกแยกจากความธรรมดาในกลุ่ม และถูกมองว่าเป็นคนนอก และเด็กๆ สามารถรับรู้ได้ ถ้าชื่อที่ถูกตั้งของเขาฟังเป็นแง่ลบ
เด็กๆ มักจะตระหนักอยู่เสมอว่าชื่อเล่นของเขาเหมาะสมกับตัวเองหรือไม่ และเมื่อเด็กไม่ชอบชื่อเล่นของเขา พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมรับชื่อและจะตอบโต้อย่างเปิดเผย เพิกเฉยในความประหลาด หรือพยายามเปลี่ยนชื่อ และวิธีนำเสนอตัวเอง เช่น เด็กอาจเริ่มเก็บตัวและปฏิเสธที่จะเข้าร่วมในกิจกรรมของกลุ่ม
พ่อและแม่ หรือคุณครู ควรเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของเด็กแต่ละคนต่อชื่อเล่นของเขา และสำรวจว่าเด็กรู้สึกอย่างไรกับชื่อเล่นของเขา พวกเขาควรสังเกตการตอบสนองของกลุ่ม เป็นไปได้มาก ที่เด็กที่มีชื่อเป็นปมด้อย อาจเป็นคนที่มีปัญหาภาพลักษณ์ตัวเองที่ไม่ดี ทำให้ในโรงเรียนในอเมริกาบางแห่งไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อเล่น เพราะชื่อเล่นอาจมีผลในเชิงบวกหรือลบต่อเด็กได้
พ่อแม่กำลังมองหาตั้งชื่อให้ลูกสาว ลูกชาย หรืออยากได้ไอเดียใหม่ๆ ดูเม็กซ์ Heart to Heart Club มีชื่อมากแนะนำ และเคล็ดลับการตั้งชื่อลูก และโปรแกรมตั้งชื่อลูกหลายหลากแบบ ดังนี้ โปรแกรมตั้งชื่อลูกความหมายมงคล โปรแกรมช่วยตั้งชื่อลูกด้วยการผสมชื่อพ่อแม่ และโปรแกรมตั้งชื่อลูกตามวันเกิด https://www.dumex.co.th/babynaming.html
แหล่งข้อมูล: https://www.childresearch.net/papers/new/2010_01.html