การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก และการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ/โภชนาการของมารดาก็มีความสำคัญเมื่อให้นมลูก

การตัดสินใจไม่ให้นมลูกอาจเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไข นมผงสำหรับทารกเหมาะตั้งแต่แรกเกิดเมื่อทารกไม่ได้กินนมแม่ ขอแนะนำให้ใช้นมสูตรทั้งหมดตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาลผดุงครรภ์ ผู้มาเยี่ยมเยียนด้านสุขภาพ พยาบาลสาธารณสุข นักโภชนาการ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ที่รับผิดชอบในการดูแลแม่และเด็ก

และควรคำนึงถึงผลกระทบทางการเงินด้วย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการเตรียมและการให้อาหารทั้งหมดอย่างระมัดระวัง เนื่องจากการจัดเตรียมที่ไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่อันตรายต่อสุขภาพได้

ทำอย่างไรให้ลูกน้อยน่าเอ็นดูต่อคนรอบข้าง เมื่อไม่อยู่ในสายตาพ่อแม่

เพราะโลกใบนี้กว้างใหญ่ และยังมีอะไรอีกมากให้เราพาลูกน้อยออกไปค้นหา คุณพ่อคุณแม่จะต้องสอนลูกอย่างไร เพื่อจะมั่นใจได้ว่า ลูกน้อยจะสามารถเข้าสังคม เป็นเด็กดี อารมณ์ดี และเป็นที่รักและเอ็นดูกับคนรอบข้าง

กุญแจสำคัญ 5 ข้อ ที่จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ และนำไปปรับใช้กับสถานการณ์ต่างๆ รอบตัวยามที่ไม่อยู่ในสายตาพ่อและแม่

1. การชมเชยลูกเพื่อก่อให้เกิดการเข้าใจ

เป็นธรรมดาของทุกบ้านที่ย่อมมีการตักเตือนเมื่อลูกทำผิด แต่เมื่อเวลาที่ลูกทำถูกต้อง หรือทำอะไรสำเร็จด้วยตัวเอง ขอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ให้ความสำคัญกับการชมเชยให้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเวลาที่เด็กทำตัวดีเมื่อยู่นอกบ้าน ซึ่งจะเป็นการช่วยให้เด็กแยกแยะ เข้าใจ และจดจำได้ด้วยตนเองว่าสิ่งไหนคือพฤติกรรมดีที่ ทำแล้วได้รับการชมเชย หรือทำให้พ่อแม่ดีใจ อันนำไปสู่การปรับใช้ และทำพฤติกรรมดีซ้ำในอนาคต

2. ให้ลูกรู้จักการขอบคุณ และขอโทษ

นอกจากคำว่าสวัสดีที่เราสอนให้ลูกพูดยามเมื่อพบเจอคนอื่นแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” เมื่อมีใครทำอะไรให้ และคุ้นเคยกับการกล่าวคำว่า “ขอโทษ” เมื่อทำผิด เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการทำให้เป็นเรื่องปกติภายในครอบครัวที่สมาชิกทุกคนกล่าวขอบคุณ และขอโทษซึ่งกันและกัน เด็กจะรู้สึกคุ้นเคย และพร้อมที่จะนำไปปรับใช้กับคนรอบข้างได้อย่างคล่องแคล่วไม่ต่างจากคำว่าสวัสดี ทำให้มีความอ่อนน้อมในสายตาผู้พบเจอ

3. เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก

เพราะลูกน้อยคือกระจกสะท้อนการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ลูกจะเรียนรู้ทุกอย่างจากคำสอน และพฤติกรรมการแสดงออกของเรา หากเราเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ลูกก็จะจำสิ่งที่ไม่ดีติดตัวไป ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกในทุกด้าน ไม่ว่าจะเรื่องการให้ลูกซึมซับในเรื่องการพูดจาไพเราะ การมีมารยาทในชีวิตประจำวัน รวมถึงความเกรงใจและการแสดงความเคารพต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น การพูดจาระหว่างสมาชิกในครอบครัว ที่พ่อกับแม่อาจจะต้องพูดกับปู่ย่าตายายให้เพราะเป็นพิเศษ ลงท้ายประโยคด้วยครับ/ค่ะ ทุกครั้ง เพื่อให้ลูกน้อยได้จดจำสิ่งดีๆ และนำไปปรับใช้ได้ เมื่อถึงเวลาที่ลูกต้องพูดกับผู้ใหญ่ก็จะพูดมีหางเสียง และเมื่อทำจนเป็นนิสัย ลูกก็จะเป็นเด็กที่พูดครับ/ค่ะ ลงท้าย แบบนี้รับรองว่าญาติผู้ใหญ่ที่ไหนได้เจอก็ต้องเอ็นดูลูกของเราแน่นอน

4. เลี้ยงลูกนอกบ้าน

มีอีกหลายครอบครัวที่ไม่ค่อยได้พาลูกน้อยออกไปข้างนอก เพราะไหนจะห่วงเรื่องเชื้อโรค ความปลอดภัย หรือกังวลใจเรื่องลูกน้อยจะออกไปเป็นที่รบกวนกับคนภายนอก แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องบอกตัวเองให้ก้าวผ่านความกังวลใจเหล่านั้นแล้วพาลูกออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านบ้าง เพื่อฝึกให้เด็กคุ้นเคยกับการเจอคนอื่นนอกจากพ่อและแม่ และพัฒนาทักษะการเข้าสังคม (Social skill) เพื่อสร้างความคุ้นชิน และความมั่นใจมากขึ้นเวลาที่อยู่กับคนอื่นนอกจากพ่อแม่ พอเด็กมั่นใจ ก็จะกล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะพูดจา โต้ตอบ และแสดงความน่ารักตามธรรมชาติให้กับคนรอบข้างได้เห็น ได้เอ็นดูและยังสามารถเป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่คุณพ่อคุณแม่จะได้เห็นลูกๆ นำคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตจริง และในการแก้ปัญหาต่างๆอีกด้วย

5. ให้ลูกเป็นคนมีน้ำใจ

มีน้ำใจในที่นี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เฉพาะการแบ่งปันของ แต่ยังรวมไปถึงการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อาจจะเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการทำกิจกรรมด้วยกันภายในครอบครัว เริ่มจากลูกช่วยแม่ หรือคุณแม่ขอให้ลูกมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ อาทิ ช่วยกันทำกับข้าว หรือปลูกต้นไม้ แล้วบอกกับลูกว่าเห็นมั้ยว่าเราสองคนช่วยกัน ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการสอนให้ลูกมีน้ำใจแล้ว ยังทำให้ลูกรู้สึกภูมิใจในผลงานตัวเองอีกด้วย ทีนี้ ลูกของเราก็จะเป็นเด็กดีมีน้ำใจ บวกกับมั่นใจในตัวเอง ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข อีกทั้งยังกล้าที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง หรือช่วยเหลือคนอื่นรอบๆ ตัว ในยามที่ไม่ได้อยู่ในสายตาพ่อแม่

ทั้งหมด 5 ข้อนี้ เป็นหลักพื้นฐานที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ลูกนำไปปรับใช้รับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ต้องพบเจอ แต่การที่ลูกน้อยจะเป็นเด็กอารมณ์ดี แจ่มใส นอกเหนือไปจากการปลูกฝังนิสัยที่ดีแล้ว สุขภาพกายที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะหัวใจของพัฒนาการที่สมวัยต้องพร้อมทั้งร่างกาย และอารมณ์ ดังนั้นเด็กควรจะได้รับโภชนาการที่ดี ทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ รวมถึงได้รับ DHA และ Fibers ในปริมาณที่เพียงพอ เนื่องจาก

DHA เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์สมองและจอประสาทตา เมื่อสมองได้รับสารอาหารหลักอย่างเพียงพอก็จะสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เครือข่ายเซลล์สมองสามารถถ่ายทอดสัญญาณข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกน้อยนำคำสอนที่บ้านไปปรับใช้กับสถานการณ์ต่างๆ ไ

Fibers ช่วยการทำงานของลำไส้และช่วยในการขับถ่าย ซึ่งจะทำให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัว และอารมณ์ดี เมื่อลูกน้อยสุขภาพดี สมองพร้อม และอารมณ์พร้อม เค้าก็จะสามารถมีพัฒนาการที่สมวัย พร้อมที่จะเรียนรู้ และอยู่ร่วมกับคนรอบข้างอย่างมีความสุข

Careline Footer

Careline เคียงข้างคุณแม่…ดูแลลูกรัก

ทุกคำถามที่คุณแม่อยากรู้ เราพร้อมให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญพยาบาล และนักโภชนาการ.

x